บริการล้างแอร์รถยนต์ แบบส่องกล้อง
? ล้างแบบส่องกล้อง ไม่รื้อคอนโซล
– ล้างแอร์รถยนต์ ควรล้างทุกระยะ 20,000กม. / ครั้ง หรือปีละครั้ง เพื่อยืดอายุการใช้งาน และ ลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคต่างๆๆ
– สะดวก รวดเร็ว บริการแบบมืออาชีพ
รายละเอียดการล้าง
– ล้างคอล์ยเย็น ส่องกล้องล้างน้ำยา และน้ำเปล่า
– ล้างแผงระบายความร้อน
– ล้างพัดลมโบล์เวอร์ (บางรุ่นจะถอดไม่ได้)
– อบโอโซน ฆ่าเชื้อโรค
– ตรวจเช็คระบบแอร์เบื้องต้น
**การล้างแอร์ไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องแอร์ไม่เย็นได้ ในกรณีแอร์ไม่เย็นหรือเย็นไม่ฉ่ำแนะนำให้ตรวจเช็คซ่อมระบบแอร์
แอร์รถยนต์ แอร์บ้านมีหลักการทำงานเหมือนกัน ดังนั้น การดูแลรักษาก็เหมือนกัน
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผยแอร์เป็นแหล่งสะสมความชื้น ทั้งตัวแอร์และท่อแอร์ มีผลให้เชื้อโรคเจริญเติบโต แนะควรล้างแอร์เป็นประจำ ลดเสี่ยงปอดอักเสบ
นายแพทย์ดนัย ธีวันดา รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ในช่วงหน้าร้อนจะมีอากาศร้อนกว่าปกติทำให้หลายคนมีความจำเป็นต้องเปิดแอร์เพื่อคลายความร้อนในเวลากลางวันและกลางคืน อาทิ ที่ทำงาน ที่บ้าน โรงแรม ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น ซึ่งภายในแอร์นั้นมีความชื้นจำนวนมากและอาจเป็นสาเหตุให้เชื้อโรคเจริญเติบโต โดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรียลิจิโอเนลลานิวโมฟิวลา หากหายใจเอาละอองน้ำที่มีเชื้อนี้ปนเปื้อนเข้าไป จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ โดยลักษณะอาการมี 2 แบบคือ แบบปอดอักเสบรุนแรง จะมีอาการไข้ขึ้นสูง ไอ หนาวสั่น เรียกว่าโรคลิเจียนแนร์ และแบบที่จะมีลักษณะคล้ายไข้หวัดใหญ่หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ไข้ปอน ตีแอกหรือปอนเตียก
โรคควรระวังจากการอยู่ในห้องแอร์ และอันตรายจากการไม่ล้างแอร์
โรคลีเจียนแนร์ –เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อลีจิโอเนลลา โดยการสูดหายใจเอาเชื้อที่ปนเปื้อนอยู่ในละอองฝอยน้ำเข้าสู่ร่างกาย ส่วนอาการคือจะมีไข้ขึ้นสูง ไอ หนาวสั่น ลักษณะโรคลีเจียนแนร์จะเป็นชนิดแบบรุนแรง จึงมีภาวะปอดอักเสบด้วย ทำให้การหายใจล้มเหลวและมีอัตราการเสียชีวิตสูง
โรคไข้ปอนเตียก –สำหรับโรคไข้ปอนเตียก ก็เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อลีจิโอเนลลาเช่นกัน แต่ไม่รุนแรงเมื่อเทียบกับโรคลีเจียนแนร์ เพราะโรคไข้ปอนเตียกมักจะหายเองภายใน 2-5 วัน แม้จะไม่ได้รับการรักษา ส่วนลักษณะอาการจะคล้ายกับไข้หวัดใหญ่
โรคระบบทางเดินหายใจ – ห้องแอร์จะปิดประตูหน้าต่างสนิท ทำให้เชื้อโรคสามารถเจริญเติบโตได้ดี และหากอยู่ในห้องแอร์ที่เปิดอุณหภูมิต่ำกว่า 25 องศา อากาศภายในห้องก็จะแห้งทำให้เซลล์ต่างๆ อย่างเซลล์เยื่อบุโพรงจมูกแห้งลงกว่าเดิมด้วย ดังนั้นผู้ที่อยู่ในห้องแอร์นานๆ จึงอาจจะป่วยเป็นโรคระบบทางเดินหายใจได้ เช่น หวัด ภูมิแพ้ เป็นต้น
อย่าปล่อยให้แอร์เป็นแบบนี้ เพราะนอกจากจะเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงที่สูงขึ้น ยังส่งผลต่อสุขภาพของผู้ใช้งานอีกด้วย
การล้างตู้แอร์มีประโยชน์อย่างไร
ช่วยให้แอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
ยืดอายุคอมแอร์
ยืดอายุตู้แอร์
ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง
ลดโอกาสการเกิดโรคภูมิแพ้ (ตู้แอร์เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค เช่น เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย)
ควรล้างแอร์รถเมื่อไหร่ ?
มีคำถามที่หลายคนยังได้รับข้อมูลมาต่างกันว่า เมื่อไหร่ควรล้างแอร์รถยนต์ของคุณ คำตอบที่ถูกต้องขึ้นอยู่กับการใช้งานรถยนต์ ของแต่ละคน เช่น เส้นทางการใช้งาน มีสภาพถนนอย่างไร ฝุ่นมากหรือไม่ ลุยน้ำหรือเปล่า แต่ตามปกติประมาณ 1 ปีขึ้นไป หรือ 20,000 กิโลขึ้นไป
ส่วนจะรู้ได้ไงว่าตู้แอร์ได้เวลาล้างแล้ว ให้สังเกตกลิ่นฝุ่น ถ้าเอาจมูกจ่อช่องลมแอร์แล้วมีกลิ่นอับ
สำหรับวิธีทำความสะอาดตู้แอร์
การล้างแบบไม่ถอดตู้ เพื่อช่วยให้ทำความสะอาดง่ายขึ้น เสร็จเร็ว โดยทั่วไปเครื่องล้างตู้แอร์จะกำหนดน้ำยาที่ต้องใช้เฉพาะสำหรับการล้าง แต่บ้างเอาผงซักฟอก โซดาไฟ ผสมลงไปเพื่อให้น้ำยาใช้ได้หลายคันขึ้น เวลาล้างน้ำยาออกจะมีปัญหา เพราะเครื่องไม่ได้ถูกกำหนดให้ล้างผงซักฟอก หรือโซดาไฟ ผลที่ได้อาจคาดไม่ถึง การล้างแบบนี้เหมาะกับรถใหม่ รถที่ล้างแอร์ปีละ 1 ครั้ง หรือเหมาะกับรถที่ดูแลตู้แอร์เป็นประจำ ถ้าใช้มา 7-8 ปี แล้ว ช่างแอร์ไม่ค่อยอยากล้างวิธีนี้ เพราะตู้แอร์อาจรั่วอยู่แล้ว แต่ฝุ่นไปอุดรูรั่วไว้ พอล้างเอาฝุ่นออก รอยรั่วก็ปรากฏ (ทางร้านไม่ได้ใช้โซดาไฟจึงไม่ต้องกังวลเรื่องการกัดตู้แอร์ของน้ำยา)
ทำไมต้องล้างตู้แอร์
เจ้าของรถหลายๆ ท่านยังไม่ทราบว่า ความสกปรกของตู้แอร์เป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาในระบบแอร์ ถ้าไม่ดูแลบำรุงรักษา ก็ต้องเตรียมใจเตรียมสตางค์ไว้ คงเคยได้ยินกันมาเรื่อง ท่อแอร์รั่ว ตู้แอร์รั่ว คอมแอร์ดัง สาระพันปัญหาที่เราๆ ไม่ค่อยเข้าใจ ลองคิดง่ายๆ แล้วกันว่า แอร์บ้านยังต้องล้าง แล้วแอร์รถยนต์จะยกเว้นได้อย่างไร แอร์บ้านถ้าไม่ล้างเลย เกิดอะไรขึ้นก็คงพอทราบกันบ้าง แล้วแอร์รถหล่ะ ถ้าสกปรก แล้วจะไม่มีผลอะไรเลยหรือ ทำไมหลายคนจะซื้อที่นอน ยังต้องเลือกแบบที่ป้องกันตัวไรฝุ่น ทำไมเจ้าไรฝุ่นจะอยู่ในรถคุณไม่ได้บ้าง
ทำไมตู้แอร์ถึงรั่ว
เวลาที่แอร์ทำงาน จะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นบนคอยล์เย็น ทำให้เกิดคราบ ถ้าปล่อยทิ้งไว้นานวันจะกลายเป็นสนิม กัดกร่อนแผงคอยล์จนรั่ว ถ้ารั่วแล้วต้องเปลี่ยนอย่างเดียว ดังนั้นการล้างตู้แอร์ปีละ 1 ครั้ง หรือทุก 20,000 กม. จึงเป็นการป้องกันการเกิดสนิมอีกด้วย